อันนี้มาจากจังหวัดพิจิตร แล้วชื่ออะไรครับ ข้าราชการครู ค่ะ ที่กำลังล่มสลายโดยหลวง วิจิตรวาทการ ซึ่งได้เขียนถึงความแตกต่างของชนชาติที่ มีวัฒนธรรมและความเจริญงอกงามและชาติที่ กำลังเสื่อมโทรมดังนี้ เขื่อนนิสัยของชนชาติที่มีวัฒนธรรมมี 4 ประการคือ 1 มีนิสัยก่อสร้าง 2 มีนิสัยรักความปราณี 3 มีนิสัยงอกงามและ 4 มีนิสัยต่อสู้ตรง กันข้ามกับนิสัยของชนชาติที่ไม่มี วัฒนธรรมหรือชาติที่กำลังเสื่อมโทรมและ ชาตินั้นใกล้ถึงความพินาศล่มจมเราจะเห็น ในนิสัยต่อไปนี้ที่ปรากฏชัดคือ 1…
Author: KANG SOPHEAK
ศรีรัศมิ์ไม่เคยจากไป…มีแค่เราที่ไม่รู้ !
ลองนึกภาพว่าหากโลกไม่ได้เปลี่ยนแปลงในวันนั้นหากชื่อของเธอศรีรัตน์สุวดียังคงถูกขานรับในพระราชพิธีคงยืนเคียงข้างพระราชโอรสและยังคงมีที่ทางในหัวใจของประชาชนจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอไม่เคยจักไปประวัติศาสตร์บางช่วงเหมือนลมหายใจสั้นแถวและถูกกลมแต่ก็มีบางลมหายใจที่หากมันไม่เคยหยุดทุกอย่างอาจเปลี่ยนไปณวันนี้เจ้าฟ้าทีรัศมีโชติทรงเติบใหญ่ภายใต้แสงสปอร์ตไลน์แต่ไม่มีเงาของผู้เป็นแม่ไม่มีมือของคนที่เคยกุมพระหัตถ์ในวัยเยาไม่มี เสียงกระซิบของคนที่เคยกล่าวว่าแม่จะอยู่ตรงนี้เสมอเราจะไม่ถามว่าทำไมเธอจักไปแต่เราจะถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอไม่เคยจักไปเลยในโลกแห่งความเป็นจริงมีเพียงความเงียบแต่ในโลกของจินตนาการเราสามารถต่อเติมเรื่องราวตามที่ใจอยากให้มันเป็นนี่ไม่ใช่แค่การตั้งสมมตฐานแต่มันคือการสำรวจจักรวาลคู่ขนานที่ซึ่งท่านผู้หญิงศรีรัตน์ยังคงดำรงอยู่ด้วยศักดิ์ศรีอิทธิพลและความเงียบงั่นอันทรงพลังในวิีโอนี้เราจะพาคุณย้อนเวลากลับไปก่อนปี 2557ติดตามเหตุการณ์สมมุติทิศทางใหม่และถามคำถามที่หลายคนกลัวจะถามเพราะบางครั้งสิ่งที่ไม่เกิดขึ้นก็ทรงพลังพอๆกับสิ่งที่เกิดขึ้นเตรียมใจให้พร้อมสำหรับการเดินทางสู่ประวัติศาสตร์อีกแบบที่ไม่เคยถูกเขียนแต่คุณจะไม่มีวันลืมก่อนปีพุทธศักราช2557ราชสำนักไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเงียบๆสาธารณชนต่างจับตามองไปที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามกุฎราชกุมารผู้ทรงเป็นความหวังของแผ่นดินในฐานรัชทายาทและเคียงข้างพระองค์ในทุกพระราชกรณียกิจ คือหญิงสามัญผู้ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการว่าพระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามกุฎราชกุมารเธอคือท่านผู้หญิงศรีรัตน์สุวดีหญิงสาวผู้ก้าวเข้าสู่ราชสำนักด้วยความเงียบแต่กลับเป็นศูนย์กลางของสายตาทั้งประเทศในช่วงเวลานั้นภาพของท่านผู้หญิงศรีรัตน์มักจะปรากฏอย่างสม่ำเสมอในพระราชราชพิธีไม่ว่าจะในชุดไทยบรมพิมานอย่างสง่างามหรือในวาระที่ทรงตามเสด็จอย่างใกล้ชิดพร้อมด้วยพระโอรสพระองค์น้อยในอ้อมแขนนั่นคือครั้งแรกที่ประชาชนได้เห็นเจ้าฟ้า ทีปังกรรัศมีโชติมหาวชิโรตมางกุระสิริวิญญราชกุมารรัชทายาทผู้เปี่ยมด้วยความหวังในภาพลักษณ์ของครอบครัวที่งดงามและสมบูรณ์แต่ทุกสิ่งกลับหยุดลงในตาข่าวการถอดฐานันดรศักดิ์ของท่านผู้หญิงศรีรัตน์เหมือนสายฟ้าฟาดกลางความเงียบราชกิจจานุเบกษาเพียงไม่กี่บรรทัดได้เปลี่ยนเส้นทางของประวัติศาสตร์ไปตลอดกาลไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติมไม่มีการแถลงข่าวมีเพียงความเงียบที่กลายเป็นเสียงที่ดังก้องในหัวใจของคนไทยหลายล้านคนบางคนเชื่อว่านั่นคือเรื่องของพระราชอำนาจบางคน เชื่อว่าเธอจับไปด้วยความสมัครใจแต่ไม่ว่าเหตุผลใดพระนามของท่านผู้หญิงศรีรัตน์ก็ได้หายไปจากสื่อสาธารณะนับแต่นั้นพร้อมกับภาพของครอบครัวที่เคยเห็นไม่มีอีกแล้วภาพของแม่ลูกในวังไม่มีอีกแล้วการร่วมเสด็จไม่มีอีกแล้วความเงียบสงบแต่ทรงพลังของเธอและนั่นเองคือจุดที่เส้นเวลาหนึ่งได้ถูกตัดครึ่งในโลกความเป็นจริงพระองค์จากไปแต่ในจักรวาลสมมติของเราเธอยังคงอยู่ยังคงมีบทบาทยังคงเป็นร่มเงาแห่งความอ่อนโยนให้แก่เจ้าฟ้าองค์น้อยยังคงเป็นพลังเงียบที่ค้ำ จุนภาพลักษณ์ของราชสำนักไทยและหากเราติดตามเส้นทางนั้นต่อไปจะพบว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการที่เธอยังอยู่ไม่ใช่เพียงเรื่องของครอบครัวแต่เป็นเรื่องของความมั่นคงในราชบัลลังก์ของภาพลักษณ์ราชวงศ์และแม้กระทั่งอนาคตของประเทศในตอนต่อไปเราจะย้อนมองว่าถ้าท่านผู้หญิงศรีรัตน์ยังคงอยู่เคียงข้างเจ้าฟ้าทีปังกรพระองค์จะทรงเติบโตเป็นรัชทายาทที่แตกต่างออกไปเช่นไรความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์กับสมาชิกราชวงศ์พระองค์อื่นโดยเฉพาะกับพระ เจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าัชรกิตติยาภาและสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณวรีอินารีรัตน์ราชกัญยาจะมีรูปแบบเช่นใดในเส้นทางที่ไม่เคยเกิดขึ้นนี้ในทุกสายตาที่จับจ้องพระพักของเจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติมหาวชิโรตมางกุระสิริวิบูลยราชกุมารมักเต็มไปด้วยความหวังแห่งอนาคตแต่เบื้องหลังแววพระเนตรนั้นยังมีคำถามที่ไม่มีใครกล้าตอบคำถามที่เรียบง่ายแต่เปลี่ยมด้วยพลังของความรู้สึกหากมีแม่อยู่ตรงนั้นอะไรจะเปลี่ยนไปท่านผู้หญิงศรีรัตน์สุวดีในฐานะผู้ให้กำเนิดเคย เป็นภาพประกอบที่สมบูรณ์ของราชวงศ์ยุคใหม่ผู้คนเคยคาดหวังว่าเธอจะเป็นมารดาแห่งแผ่นดินผู้จะหล่อหลอมทายาทองค์สำคัญให้เติบโตอย่างมั่นคงและเชื่อมโยงกับประชาชนด้วยหัวใจที่อบอุ่นแต่เมื่อเธอหายไปรอยต่อแห่งความสัมพันธ์แม่ลูกก็ถูกตัดขาดอย่างไม่เป็นธรรมชาติแม้เจ้าฟ้าทีปังกรจะทรงได้รับการดูแลอย่างรอบด้านจากสมเด็จพระบรมชนกนาถจากพระบรมวงศานุวงศ์และจากพระราชสำนักแต่ความผูกพันทางใจคือสิ่งที่ไม่มีตำราใดในโลกนี้สอนทดแทนได้ ในเส้นทางสมมติที่เราเดินทางอยู่หากท่านผู้หญิงศรีรัตน์ยังทรงอยู่เคียงข้างพระโอรสพระองค์อาจได้เรียนรู้โลกผ่านสายตาของแม่ผู้รู้จักความเป็นสามัญเรื่องเล่าเรียบง่ายในครัวเรือนผ่านรอยยิ้มที่ไม่มีพิธีรีตรองผ่านน้ำตาที่ไม่ต้องหลบกล้องสื่อมวลชนการเติบโตภายใต้เงาร่มของมารดาอาจทำให้เจ้าฟ้าที่ปังกอทรงกลายเป็นรัชทายาทที่เป็นมนุษย์ก่อนจะเป็นรัชทายาทที่เป็นสถาบันอาจทรงมีความกล้าในการแสดงออกต่อสาธารณะเร็วขึ้นอาจทรงยิ้มบ่อยขึ้น อาจทรงเลือกใช้ถ้อยคำที่สะท้อนความรู้สึกแท้จริงไม่ใช่เพียงราชาศัพท์ที่งดงามแต่ห่างไกลในอีกแง่หนึ่งท่านผู้หญิงศรีรัตน์อาจเป็นบุคคลเชื่อมระหว่างเจ้าฟ้าทีปังกรกับสมาชิกราชวงศ์พระองค์อื่นอย่างแนบเนียนเช่นพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิตติยาภาผู้ทรงมีพระชนม์สูงกว่าและเคยเป็นตัวเลือกสำคัญในสายตาประชาชนหรือสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณวลีนนารีรัตน์ราชกัญยาผู้ทรงเป็นภาพแทนของราชวงศ์ร่วมสมัยในสายตาคนรุ่นใหม่ความสัมพันธ์ ระหว่างเจ้าฟ้าทั้ง3พระองค์ในโลกที่มารดาของรัชทายาทยังอยู่อาจเต็มไปด้วยการประสานมากกว่าการเปรียบเทียบและเหนือสิ่งอื่นใดการมีมารดาอยู่เคียงข้างในวัยเยาคือรากฐานที่สำคัญยิ่งของความมั่นใจความกล้าเผชิญโลกและศักยภาพในการเป็นผู้นำบางทีหากวันนี้ท่านผู้หญิงศรีรัตน์ยังอยู่พระราชโอรสองค์นี้อาจทรงเป็นเจ้าชายที่เปิดใจให้คนไทยได้รู้จักมากกว่าที่เคยเป็นในตอนต่อไปเราจะพาคุณสำรวจเส้นทางของราชบัลลังก์และตั้งคำถามว่าถ้าศรีรรัฐยังอยู่ในตำแหน่งพระวรชายา โครงสร้างการสืบราชสมบัติจะเปลี่ยนไปเพียงใดและการเปลี่ยนผ่านที่เคยเกิดขึ้นจะยังจำเป็นอยู่หรือไม่ราชสำนักไทยดำรงอยู่ภายใต้หลักการสืบราชสมบัติที่ถูกออกแบบมาอย่างเข้มงวดพระราชบัญญัติว่าด้วยการสืบราชสันตีวงศ์พุทธศักราช2467คือกรอบแห่งความมั่นคงและความต่อเนื่องของพระราชอำนาจแต่แม้จะมีกฎหมายจิตใจของประชาชนก็ยังมีส่วนร่วมในความยอมรับอย่างเงียบงันก่อนปีพุทธศักราช2557ประชาชนจำนวนมากค่อยๆยอมรับภาพของท่านผู้หญิงศรีรัตน์สุวดีในฐานะพระมารดาของ รัชทายาทแห่งอนาคตแม้จะไม่ได้มีพระราชฐานะเป็นสมเด็จพระราชินีแต่เธอก็ปรากฏในทุกโอกาสสำคัญเคียงข้างสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามกุฎราชกุมารและเจ้าฟ้าทีปังกรภาพลักษณ์ของครอบครัว3คนในราชสำนักคือสิ่งที่ผู้คนเริ่มจดจัดและคาดหวังว่าจะดำรงอยู่ยาวนานหากเธอยังอยู่เส้นทางการสืบราดบัลลังก์ของไทยอาจชัดเจนและมั่นคงเร็วกว่าที่เป็นอยู่พระนามของเจ้าฟ้าทีปังกรอาจถูกประกาศเป็นรัชทายาทอย่างเป็นทางการโดยไม่มีคำถามหรือความลังเลใดๆพร้อมทั้ง พระบิดาที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์และพระมารดาผู้เป็นที่รู้จักของประชาชนดำรงอยู่พร้อมกันในสายตาและความทรงจำของแผ่นดินแต่เมื่อท่านผู้หญิงศรีรัตน์พ้นจากสถานะเส้นทางนั้นก็เริ่มมีรอยร้าวข่าวลือเริ่มไหลเวียนบางคนตั้งคำถามถึงความมั่นคงของตำแหน่งรัชทายาทบางคนมองไปที่พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิตติยาภาผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระปรีชาสามารถและพระจริวัตงดงามในฐานะอีกหนึ่งความเป็นไปได้ในโลกสมมติที่ศรีรัตยังอยู่เราอาจไม่เคย ได้ยินเสียงกระซิบแห่งความไม่แน่นอนเหล่านั้นเราอาจไม่เคยต้องรอการประกาศใดๆเพื่อยืนยันความชอบธรรมของเจ้าฟ้าองค์น้อยเพราะภาพของแม่ที่ยืนอยู่เคียงข้างเพียงพอแล้วที่จะสื่อสารความมั่นคงให้แก่หัวใจของประชาชนนอกจากนี้การที่ท่านผู้หญิงศรีรัตน์ยังอยู่ในตำแหน่งพระวรชายาอาจส่งผลโดยตรงต่อเส้นทางชีวิตของพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันเพราะเมื่อเธออยู่ก็อาจไม่มีพื้นที่ให้กับการแต่งงานใหม่หรือการปรากฏของสตรีอื่นในฐานะพระคู่ มั่นหรือพระชายาและถ้าไม่มีพวกเธอเหล่านั้นประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยข่าวลืออุปาทานและการจับตาอย่างใกล้ชิดของประชาชนก็อาจไม่เคยเกิดขึ้นในอีกด้านหนึ่งการที่ศีรรัฐยังดำรงอยู่ในราชสำนักอาจทำให้พระมหากษัตริย์ทรงสามารถทรงงานได้โดยไม่ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านภาพลักษณ์ที่กลายเป็นภาระทางการเมืองและสื่อมวลชนในช่วงหลังการขึ้นครองราชย์เพราะผู้คนจะจำได้เพียงว่าราชวงศ์ไทยมีครอบครัวที่มั่นคงมีทายาทที่ชัดเจนและมีมารดาผู้เปลี่ยมด้วยความเงียบสงบที่ไม่ เคยเรียกร้องสปอ์ตไลท์ใดๆทั้งหมดนี้คือภาพสะท้อนของคำถามง่ายๆว่าถ้าเธอยังอยู่พรุ่งนี้ของราชวงศ์จะมั่นคงขึ้นไหมในตอนต่อไปเราจะเดินทางไปยังอีกด้านหนึ่งของราชสำนักสำรวจว่าถ้าศรีรัตน์ยังทรงดำรงสถานะอยู่ภาพลักษณ์ของราชวงศ์ไทยในสายตาประชาชนไทยและนานาชาติจะเปลี่ยนไปเพียงใดภาพลักษณ์ของราชวงศ์ในสมัยใหม่ไม่ใช่เพียงเรื่องของพระราชอำนาจหรือพระเกียรติยศแต่มันคือศิลปะของการรับรู้เป็นการสื่อสารเงียบๆระหว่างราชสำนักกับหัวใจ ของประชาชนและในโลกแห่งการสื่อสารยุคดิจิทอลใครอยู่ตรงนั้นสำคัญพอๆกับใครไม่อยู่หากท่านผู้หญิงศรีรัตน์สุวดียังคงมีบทบาทในราชสำนักราชวงศ์ไทยอาจถูกมองว่าเข้าถึงได้มากขึ้นเธอคือหญิงสามัญชนผู้เดินเข้าสู่ตำหนักด้วยความเรียบง่ายเธอไม่ใช่ลูกหลานเจ้านายฝ่ายไหนไม่ใช่ผู้มีอำนาจทางเศรษฐกิจหรือการเมืองแต่กลับได้รับโอกาสจากหัวใจมากกว่าสายเลือดภาพลักษณ์เช่นนี้สร้างความหวังให้แก่ผู้คนว่าแม้แต่หญิงธรรมดาก็สามารถเป็นส่วน 00:12:31หนึ่งของราชสำนักได้มันเป็นความโรแมนติกที่ส่งพลังอย่างเงียบๆไปยังประชาชนและถ้าเธอยังอยู่ราชสำนักไทยในสายตาของคนรุ่นใหม่อาจไม่ได้เป็นเพียงสถาบันสูงสุดที่จับต้องไม่ได้แต่เป็นครอบครัวที่มีเรื่องราวมีความเปราะบางและมีมนุษยธรรม[เพลง]ในด้านการประชาสัมพันธ์ศรีรัตน์อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเชื่อมต่อระหว่างราชวงศ์กับผู้หญิงทั่วประเทศเธอเคยแสดงบทบาทของแม่ของภรรยาและของหญิงที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้มีอำนาจอย่างสงบและมั่นคงบทบาทเหล่า นี้หากถูกเกล้าอย่างต่อเนื่องจะกลายเป็นกระจกสะท้อนให้ผู้หญิงไทยรู้สึกว่าราชสำนักไม่ได้อยู่ไกลจากชีวิตของตนเลยและในยุคที่สื่อโซเชียลครองพื้นที่ข่าวหากศรีรัตน์ยังอยู่กลยุทธ์การสื่อสารของราชวงศ์อาจสิ้นเชิงไม่ใช่แค่เพียงแถลงการณ์ไม่ใช่แค่ภาพพระราชพิธีแต่เป็นเรื่องเล่าในครัวเรือนภาพแห่งความอบอุ่นบทบาทของแม่และสายตาแห่งความรักที่ไม่ต้องอธิบายเรื่องที่เคยถูกวิจารณ์เรื่องงบประมาณหรือความห่างเหินอาจถูกลดทอนลงเพราะมีภาพของความเป็น มนุษย์ค้อยประคองบางทีคำว่าราชวงศ์อาจแปลได้อีกแบบว่าครอบครัวของแผ่นดินเมื่อไม่มีเธอภาพลักษณ์เหล่านั้นก็จ้างหายประชาชนเริ่มตั้งคำถามกับสิ่งที่ไม่เห็นมากกว่าสิ่งที่เคยเห็นและคำถามเหล่านั้นแม้ไม่ได้มีคำตอบตรงไปตรงมาแต่ก็เปลี่ยนมุมมองต่อราชสำนักท่าในแบบที่อาจไม่มีใครตั้งใจให้เกิดในตอนต่อไปเราจะพาทุกคนไปไกลกว่าภาพลักษณ์เข้าสู่ผลกระทบในระยะยาวหากท่านผู้หญิงศรีรัตน์ไม่เคยจักไปราชวงศ์ไทยในวันนี้จะสงบขึ้นหรือไม่ความเปราะบางในวังจะลดลง หรือเปล่าและชื่อของเธอจะเป็นต้นไม้ใหญ่ให้ลูกชายพิงพักหรือไม่ในทุกสายสัมพันธ์มีจุดสมดุลที่มองไม่เห็นและในทุกสถาบันมีคนบางคนที่แม้ไม่อยู่ในตำแหน่งสูงแต่กลับทำหน้าที่ประคับประคองรากฐานโดยไม่เอ่ยคำใดท่านผู้หญิงศรีรัตน์สูดีคือหนึ่งในบุคคลเช่นนั้นในช่วงเวลาที่เธออยู่ในราชสำนักบรรยากาศในวังดูมั่นคงไม่สั่นคลอนเธอไม่ใช่ผู้ชี้นโยบายไม่ใช่ผู้กำหนดพระราชนาจแต่เธอคือพลังเงียบที่ประคองเสถียรภาพของราชวงศ์ด้วยบทบาทที่เรียบ ง่ายที่สุดภรรยาและแม่ถ้าเธอยังอยู่ราชสำนักไทยอาจไม่ต้องเผชิญกับความเปราะบางจากข่าวลือจากความไม่แน่นอนจากกระแสวิจารณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหญิงที่มั่นคง1คนสามารถเปลี่ยนพลังภายในราชวังจากการแข่งขันเป็นความร่วมมือจากความหวาดระแวงเป็นความไว้วางใจจากการเปรียบเทียบเป็นความสมดุลในโลกแห่งอำนาจภรรยาที่มั่นคงอาจสำคัญกว่าทหารนับพันและมารดาที่ไม่พูดอาจปลูกฝังศีลธรรมได้ลึกกว่าพระบรมราโชวาท ถ้าเธอไม่เคยจักไปเจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติอาจไม่เพียงเป็นรัชทายาทที่ถูกแต่งตั้งแต่เป็นรัชทายาทที่เติบโตมาอย่างมีรากมีแม่ให้กลับไปหามีครอบครัวเป็นที่พึ่งมีสายใยแท้จริงไม่ใช่แค่สายเลือดความมั่นคงระยะยาวของราชราชวงศ์ไม่ได้สร้างด้วยกำแพงสูงแต่สร้างจากสายสัมพันธ์ในบ้านในยุคที่ราชสำนักทั่วโลกเผชิญกับคำถามเรื่องความโปร่งใสความร่วมสมัยและความผูกพันกับประชาชนศรีรัฐอาจเป็นคำตอบในแบบไทยๆที่ไม่ต้องใช้แถลงการณ์แต่ใช้เพียง…
เปิดชีวิต‘แหม่ม จินตหรา’ทั้งวง การพึ่งรู้ มีลูก1คน
อยู่ในวงการบันเทิงมานานถึง 33 ปี สำหรับอดีตนางเอกหน้ๅหวาน แหม่ม-จินตหรา สุขพัฒน์ ที่ฝากฝีไม้ลายมือ ผลงานการแสดงเกือบ 200 เรื่อง เล่าเรื่องราวการทำงานในวงการ ไปจนถึงข่าวเม้าธ์ที่ว่าตอนนี้ตกอัUถึงขั้นต้องวิ่งยืมเงิuเพื่อนในวงการ พร้อมนับถอยหลังลาออกจากวงการ งานนี้ แหม่ม-จินตหรา เคลียร์ประเด็นต่างๆ ครบถ้วน อีกทั้งน้อยคนจะรู้ว่าคุณแหม่ม จินตหรา นั้นมีบุตรแล้ว โดยจากกระทู้หนึ่งเผยว่า มีบุตรบุญธรรมที่ดูแลอยู่ โดยพี่สาวพี่แหม่มได้จากไปไปเมื่อหลายปีก่อน บุตรยังเล็กอยู่เลย พี่แหม่มเลยรับมาเลี้ยงแทน…
โอบามา-ยิ่งลักษณ์ หารือ
การแวะพักสั้นๆ ของประธานาธิบดีบารัค โอบามาที่ประเทศไทยเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ทางการเมือง การเยือนของประธานาธิบดีโอบามาซึ่งเกิดขึ้นสองปีครึ่งหลังจากกรุงเทพฯ ถูกทำลายด้วยสงครามกลางเมือง ถือเป็นสัญญาณว่าเสถียรภาพทางการเมืองได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็วเพียงใด นับตั้งแต่การเลือกตั้งของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในเดือนกรกฎาคม 2554 ในช่วงเดือนที่ผ่านมา มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการรัฐประหารต่อยิ่งลักษณ์มากกว่าปกติ แต่หากจะท้าทายความชอบธรรมของยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรีผู้กล้าหาญ หรืออาจจะพูดได้ว่าโง่เขลา ก็คงเป็นนายพลที่กล้าท้าทายความชอบธรรมของยิ่งลักษณ์ ภายในประเทศ การที่เธอยักยอกเงินภาษีของประชาชนไปให้ชาวนายังคงสร้างความไม่พอใจให้กับนักวิจารณ์อย่างต่อเนื่อง แต่การยึดมั่นในมรดกประชานิยมของทักษิณ ชินวัตร จะไม่ส่งผลเสียหายทางการเมืองใดๆ ต่อเธอ การเติบโตทางเศรษฐกิจที่เร็วกว่าที่คาดไว้ยังช่วยรักษาอำนาจในประเทศของเธอไว้ได้ บนเวทีที่กว้างขึ้น การเยือนของโอบามาถือเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่ายิ่งลักษณ์ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติในฐานะผู้นำโดยชอบธรรมของเธอเอง…
เสน่ห์เงียบงามของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี: ทำไมรัชกาลที่ 10 ถึงเลือกเธอ
กลางลานกว้างของพระราชพิธีท่ามกลางเครื่องแต่งกายที่ประดับเพชรพลอยวาวับและสีสันตระการตาศรีรัตปรากฏตัวด้วยชุดไหมสีอ่อนเรียบง่ายแต่กลับสะกดสายตาทุกคู่ได้อย่างน่าอัศจรรย์ความเงียบงามนี้ไม่ได้เกิดจากการปิดบังหากแต่เกิดจากการรู้จักพลังของความพอดีรู้ว่าชุดที่สวมไม่จำเป็นต้องประกาศตนแต่ให้มันเป็นเพียงฉากหลังที่ขับเน้นจิตใจและบุคลิกภาพให้เด่นชัดว่ากันว่าช่วงแรกที่พระมหาวชิราลงกรณ์นได้พบเธอสิ่งที่ทำให้พระองค์สนใจไม่ใช่ เพียงความงามของใบนาคแต่คือพลังบางอย่างที่อยู่ในวิธีที่เธอสวมชุดเรียบง่ายแล้วกลับทำให้ทุกคนรอบข้างรู้สึกอบอุ่นและสบายใจในโลกของราชสำนักที่มักมีระยะห่างเธอกลับนำความใกล้ชิดอย่างเป็นธรรมชาติเข้ามาและนี่อาจเป็นเหตุผลลึกๆว่าทำไมพระองค์จึงรู้สึกต่างเมื่ออยู่ใกล้ให้เธอเพราะเธอไม่เพียงสวมชุดสวยแต่ยังสวมความจริงใจไว้ในทุกการเคลื่อนไหวในทุกก้าวเดินของเธอมีจังหวะที่สอดคล้องกับผืนผ้าและลมหายใจกระโปรงไหมพริ้วเบาเหมือนสาย น้ำที่ไหลอย่างมั่นคงแต่ไม่เร่งรีดดังบทกวีที่อ่านช้าๆแต่ทุกถ้อยคำกลับมีน้ำหนักนี่คือเสน่ห์ของสไตล์ที่ไม่ต้องแข่งขันกับใครแต่กลับอยู่เหนือกาลเวลาทาแฟชั่นของราชสำนักทั่วไปคือแสงแสงไฟที่เจิดจ้าสไตล์ของศรีรัตน์ก็เหมือนแสงเทียนที่อบอุ่นไม่แย่งพื้นที่แต่ทำให้คนรอบข้างรู้สึกสบายตาและอบอุ่นใจและอาจเป็นเพราะแสงเทียนนี้เองที่ทำให้หัวใจของพระมหาวชิราลงก่อนหนาในเวลานั้นอบอุ่นขึ้นอย่างไม่คาดคิดความสุภาพคือเครื่องประดับที่ไม่มี วันล้าสมัยและทุกครั้งที่เธอปรากฏตัวศีรัตน์ก็ได้สวมเครื่องประดับชิ้นนั้นไม่ใช่บนลำคอหรือข้อมือแต่ในทุกการเคลื่อนไหวและรอยยิ้มผ้าไหมไทยในมือช่างทอไม่ได้เป็นเพียงผืนผ้าแต่เป็นบันทึกของภูมิปัญญาและหัวใจศรีรัตน์เลือกสวนใส่มันอย่างรู้คุณค่าไม่ว่าบนเวทีราชพิธีหรือในงานสาธารณะเธอมักให้พื้นที่แก่เนื้อผ้าและลวดลายที่บรรพชนได้ถ่ายทอดต่อกันมาสีทองอุ่นของไหมลายดอกพิกุลลายริ้วอ่อนที่สื่อถึงสายน้ำหรือแม้แต่สีครามเข้มของผ้า ย้อมครามทุกเฉษสีและลวดลายล้วนมีความหมายเธอไม่ได้เพียงใส่ชุดไทยแต่ทำให้ชุดนั้นมีชีวิตผ่านการจับคู่กับทรงผมและเครื่องประดับที่กลมกลืนราวกับทุกองค์ประกอบถูกออกแบบให้บรรเลงเพลงเดียวกันและนี่เองคืออีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พระมหาวชิราลงกอนหนาในเวลานั้นรู้สึกประทับใจเพราะศรีรัตน์ไม่ได้เพียงปฏิบัติตามขนบของราชสำนักเท่านั้นแต่เธอยังตีความประเพณีให้มีชีวิตร่วมกับยุคสมัยพระองค์เห็นในตัวเธอความสามารถที่จะทำให้สิ่งเก่าและ สิ่งใหม่อยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืนเหมือนเธอเป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างความศักดิ์สิทธิ์ของราชประเพณีกับความทันสมัยที่เข้าถึงได้ในสายตาผู้คนชุดที่เธอสวมจึงไม่ใช่ของเก่าหากเป็นของมีชีวิตที่เดินเคียงข้างยุคสมัยมันทำให้คนรุ่นใหม่มองว่าการใส่ผ้าไทยไม่ใช่เรื่องทางการหรือโบราณเกินไปและสำหรับพระมหาวชชิราลงกรณ์นแล้วอาจเป็นเสน่ห์ลึกๆที่ยืนยันว่าเธอไม่เพียงเหมาะสมกับบทบาทในราชสำนักแต่ยังมีหัวใจที่เต้นไปพร้อมกับประชาชนของพระองค์ประเพณีไม่ใช่โซ่ตรวน แต่คือรากที่ทำให้เรายืนหยัดได้ประโยคนี้เหมือนถูกถักทออยู่ในทุกชุดของศรีรัตน์และอาจเป็นอีกหนึ่งเส้นได้ที่ถักใจของพระมหาวชิราลงกรณ์นักเข้ากับเธออย่างแน่นแฟ้นท่ามกลางความเชื่อว่าราชสำนักต้องคู่กับความรู้ราวิจิตรศรีรัตน์กลับเลือกเส้นทางที่ต่างออกไปเธอแสดงให้เห็นว่าความงามที่แท้อาจอยู่ในความพอดีไม่มากเกินไปไม่น้อยเกินไปเครื่องประดับของเธอมักเป็นเพียงต่างหูมุกเรียบหรือเข็มเล็กๆที่แฝงความหมายไม่มีเพชรพลอยระยับเต็มตัวแต่กลับดึงดูดสาย ตาด้วยความสะอาดตาและสมดุลการเลือกเครื่องประดับน้อยชิ้นไม่ใช่เพราะขาดโอกาสแต่เป็นเพราะเธอเข้าใจดีว่าแสงที่แท้จริงควรมาจากบุคลิกและแววตาไม่ใช่จากประกายของอัญญมณีสีที่เธอเลือกก็พูดได้เองขาวนวลครีมอบอุ่นเบ็ดอ่อนหรือพระเทวลมุนทุกโทนสีมีพลังสงบทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกผ่อนคลายและไว้ใจและเมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงชนสีเหล่านี้ก็ทำให้เธอโดดเด่นอย่างเงียบๆเหมือนดอกไม้ที่บานกลางสวนโดยไม่ต้องแย่งแสงใครในงานที่ต้องพบพประชาชน เธอมักเลือกผ้าที่นุ่มเบาและสวมใส่สบายนี่ไม่ใช่เพียงเรื่องรสนิยมแต่เป็นความใส่ใจเพื่อให้ตัวเองเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่และเพื่อให้คนรอบข้างรู้สึกว่าเธอเข้าถึงได้พอดีคือความหรูหรารูปแบบหนึ่งประโยคนี้สะท้อนผ่านทุกชุดที่ศรีรัตสวมและในโลกแฟชั่นที่มักแข่งขันกันสร้างความโดดเด่นเธอเลือกที่จะโดดเด่นด้วยความละมุนซึ่งยากกว่าและย่ายืนกวาดเสมอเมื่อชีวิตเดินเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเสื้อผ้าของศรีรัตน์ก็เริ่มบอกเล่าเรื่อง ราวใหม่จากชุดที่เคยมีลวดลายอ่อนหวานกลายเป็นโทนสีสุภาพเรียบและหนักแน่นขึ้นไม่ใช่เพราะเธอสูญเสียรสนิยมหากเพราะเธอเลือกใช้สีและรูปทรงเป็นภาษาของความเงียบเพื่อบอกเล่าความมั่นคงภายในใจในช่วงเวลาที่สังคมเฝ้ามองด้วยความสงสัยเธอสวมชุดที่ให้ความรู้สึกมั่นมั่นคงเหมือนกรอบป้องกันตัวเองจากกระแสภายนอกแต่ในขณะเดียวกันผืนผ้าเหล่านั้นก็เป็นเหมือนกระจกสะท้อนถึงความอ่อนโยนและความเป็นตัวตนที่แท้จริง4เท่าอบอุ่นน้ำตาลเข้มหรือ ฟ้าอ่อนมนกลายเป็นโทนหลักที่เธอใช้เพื่อสื่อถึงทั้งความสงบและความแข็งแกร่งภาพของเธอในชุดผ้าใหม่สีหม่นกลางงานเล็กๆณชุมชนชนบทเป็นภาพที่หลายคนจดจำเพราะแม้ไม่สวมเครื่องประดับดับใดความงามของเธอก็ยังเปล่งประกายผ่านรอยยิ้มและแววตาที่มองตรงมาด้วยความเมตตาฤดูการที่เปลี่ยนทำให้ความหมายของสีเปลี่ยนเธอพิสูจน์ให้เห็นว่าความงามไม่ได้อยู่เพียงในช่วงรุ่งเรืองแม้ในยามเงียบงันอาภรก็ยังเป็นเพื่อนคู่ใจคอยโอบอุ้มทั้งหัวใจและศักดิ์ ศรีทุกครั้งที่ศรีรัตน์ลงพื้นที่เพื่อทำงานการกุศลหรือเยี่ยมเยียนชุมชนเธอมักปรากฏตัวในชุดที่เรียบง่ายและเข้าถึงได้ผ้าฝ้ายพื้นเมืองผ้าไหมทอมือจากท้องถิ่นหรือเสื้อผ้าสีโทนอุ่นที่กลมกลืนกับบรรยากาศรอบตัวมันไม่ใช่เพียงเรื่องของความสบายในการสวมใส่แต่เป็นการส่งสัญญาณทางใจว่าเธอไม่วางตัวสูงส่งเกินเอื้อมในสายตาของชาวบ้านการที่สตรีจากราชสำนักเลือกนั่งบนเสื่อพื้นบ้านคุยกับพวกเขาในชุดเดียวกับที่คนในชุมชนสวมใส่คือการ สร้างสะพานใจเธอใช้เสื้อผ้าเป็นภาษาที่ไร้คำพูดภาษาของความเท่าเทียมและการยอมรับและนี่คือสิ่งที่พระมหาวชิราลงกรณ์นเคยสังเกตเห็นตั้งแต่ครั้งแรกครั้งแรกที่ร่วมเสด็จพระองค์พบว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงเข้าใจพิธีการแต่ยังเข้าใจหัวใจของประชาชนเธอสามารถทำให้ชาวบ้านหัวเราะได้อย่างจริงใจและทำให้พวกเขารู้สึกว่ากำลังคุยกับเพื่อนมากกว่าเจ้านายสำหรับพระองค์ความสามารถเช่นนี้คือคุณสมบัติอันล้ำค่าของผู้ที่จะยืนเคียงข้างกษัตริย์ไม่ใช่ เพียงคู่ครองแต่เป็นผู้ร่วมแบกรับหัวใจของแผ่นดินสิ่งที่เธอเลือกในโอกาสเหล่านี้ก็มักอ่อนโยนฟ้าครามของผ้าทอย้อมครามเขียวมนต์ของผ้าฝ้ายย้อมใบไม้หรือขาวนวลของผ้าฝ้ายดิบทุกเฉดสีสื่อถึงความสงบความอบอุ่นและความเป็นมิตรมันทำให้ผู้คนรู้สึกว่าพวกเขากำลังอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยและในใจของพระมหาวชิราลงปอนนะนั่นคือภาพของราชินีในหัวใจมีครั้งหนึ่งที่เธอสวมเสื้อผ้าพื้นเมืองสีอิฐร่วมลงมือปลูกต้นไม้กับเด็กๆในโรงเรียนภาพนั้นกลายเป็น สัญลักษณ์ไม่ใช่เพราะความงามของเสื้อผ้าแต่เพราะความงามของการกระทำที่อยู่ข้างในความงามที่ทำให้ผู้อื่นสบายใจคือความงามที่แท้จริงและนั่นคือเหตุผลที่เสื้อผ้าของศรีรัตน์ไม่เคยเป็นเพียงเครื่องแต่งกายมันคือสายใยแห่งเมตตาที่ถักทรระหว่างหัวใจของเธอกับหัวใจของผู้คนรวมถึงหัวใจของกษัตริย์ที่ครั้งหนึ่งเคยหลงรักเธออย่างสุดหัวใจหากมองแฟชั่นของศรีรัตน์ผ่านสายตาของนักโหราศาสตร์เราจะเห็นว่ามันไม่ใช่แค่การเลือกสีหรือเนื้อผ้าแต่ เป็นการอ่านพลังในแต่ละช่วงชีวิตสีและเนื้อผ้ากลายเป็นเหมือนธาตุทั้ง4ดินน้ำลมไฟที่สะท้อนทั้งภาวะจิตใจและจังหวะชะตาในวันที่เธอสวมผ้าใหม่สีเขียวมรปรากฏอาจเป็นวันที่พลังแห่งดินครอบงำมั่นคงหนักแน่นพร้อมรับฟังในวันที่เธอสวมผ้าฝ้ายสีฟ้าอ่อนอาจเป็นวันที่พลังแห่งน้ำพาให้หัวใจเปิดกว้างอ่อนโยนและเมื่อเธอเลือกสีแดงอมส้มคือวันที่พลังแห่งฟ้าปลูกความมั่นใจและความกล้าส่วนชุดสีขาวนวลคือการหันกลับไปหาพลังแห่งลมเบาสบายโปร่งใสพร้อม เคลื่อนไหวอย่างอิสระว่ากันว่าช่วงที่พระมหาวชิราลงกรณ์และศรีรัตน์ใกล้ชิดกันมากที่สุดคือช่วงที่ทาสของทั้งสองคนเข้ากันอย่างประหลาดพระองค์มีพลังแห่งไฟและลมที่เด่นความกระตือรือร้นกล้าแสดงออกแต่ก็โหยหาความอิสระในขณะที่ศรีรัตน์นำพลังแห่งน้ำและดินเข้ามาสมดุลความอ่อนโยนความมั่นคงและความเข้าใจที่ลึกซึ้งเมื่อพลังเหล่านี้มาบรรจบกันมันเหมือนการพบจังหวะดนตรีที่ลงตัวและแฟชั่นของเธอก็เป็นเสมือนภาษาลับที่ถ่ายทอดความสมดุลนั้นให้คนรอบข้างได้ สัมผัสไม่ใช่แค่สวยแต่ยังสอดคล้องกับหัวใจของผู้ที่อยู่เคียงข้างดาวฤกษ์ไม่ได้บังคับเรามันเพียงส่องให้เราเห็นทางและในวันนั้นแสงดาวอาจไม่ได้เพียงส่องทางให้เธอกับพระองค์เดินมาด้วยกันแต่ยังทำให้ทั้งสองได้เห็นในกันและกันสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นและนั่นคือจุดเริ่มต้นของความผูกพันที่ลึกซึ้งแม้เวลาจะผ่านไปแต่เงาของสไตล์ศรีรัตน์ยังคงทอดยาวในความทรงจำของผู้คนภาพเธอในชุดใหม่สีอ่อนหรือผ้าทอมือพื้นบ้านไม่เพียงติดอยู่ในสายตาแต่ยัง ซึมลึกในหัวใจของผู้ที่เคยได้เห็นดีไซน์เนอร์รุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยได้รับแรงบันดาลใจจากความเรียบงามและพอดีของเธอพวกเขานำผ้าไทยกลับมาสร้างสรรค์ในแบบร่วมสมัยเดรสยาวผ้าไหมที่ตัดเย็บด้วยเส้นเส้นสายโมเดิร์นเสื้อคลุมผ้าฝ้ายย้อมครามที่แมกกับรองเท้าสนีกเกอร์และทุกครั้งที่เทรนเหล่านี้เกิดขึ้นก็เหมือนเสียงกระซิบที่ย้ำว่าเธอเคยธรรมะก่อนแต่สำหรับพระมหาวชิราลงกรณ์หนในวันๆมรดกของเธอไม่ได้มีเพียงในโลกแฟชั่นมันคือแรงบันดาลใจที่พระองค์เคย เก็บไว้ใกล้หัวใจแรงบันดาลใจจากผู้หญิงที่รู้จักสมดุลระหว่างความงามและความจริงใจผู้หญิงที่สามารถทำให้เครื่องแต่งกายกลายเป็นภาษาของความรักความเมตตาและการเคารพในรากเหง้าในสังคมไทยปรากฏการณ์ที่ผู้หญิงรุ่นใหม่เริ่มหันกลับมาสวมผ้าไทยไม่ใช่เพียงเพราะความงามของเนื้อผ้าแต่เพราะพวกเธอเห็นแบบอย่างว่าการใส่ผ้าไทยสามารถเป็นทั้งแฟชั่นและการแสดงความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมและในความทรงจำของพระมหาวชิราลงกรณ์นะนี่คือภาพของสตรีที่ครั้งหนึ่งเคยครอง หัวใจของพระองค์อย่างสง่างามสิ่งงามที่แท้ยิ่งนานยิ่งใสและนี่คือมรดกที่เธอทิ้งไว้ไม่ใช่เพียงเสื้อผ้าหรือภาพถ่ายแต่คือเรื่องราวของความผูกพันที่ครั้งหนึ่งเคยทำให้หัวใจของกษัตริย์เต้นแรงแม้กาลเวลาจะพัดผ่านเมื่อเราย้อนมองเส้นทางแฟชั่นของศรีรัตน์ภาพที่ปรากฏไม่ใช่เพียงการเลือกผืนผ้าหรือเครื่องประดับแต่เป็นการเดินทางที่เชื่อมความงามภายนอกกับความลึกซึ้งของจิตวิญญาณเธอสวมใส่เสื้อผ้าไม่ใช่เพื่อให้โลกจดจำรูปลักษณ์แต่เพื่อให้โลกจดจำความ รู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อได้พบเจอทุกสิ่งที่เธอเลือกทุกรายที่เธอสวมคือถ้อยคำที่บรรจงร้อยเรียงโดยไม่ต้องออกเสียงเป็นถ้อยคำที่พูดถึงความเมตตาความพอดีและความภาคภูมิใจในรากเหง้าของตนเองและในความทรงจำส่วนตัวของพระมหาวชิราลงกณอาภรเหล่านี้คือภาพแทนของช่วงเวลาที่พระองค์ได้รู้จักความรักในรูปแบบที่อบอุ่นและจริงใจที่สุดเธอสอนเราว่าแฟชั่นไม่จำเป็นต้องเป็นการวิ่งตามฤดูกาลแต่สามารถเป็นการหยุดนิ่งเพื่อฟังหัวใจตนเองและเพื่อเคารพสิ่งที่ เรามีอยู่แล้วเพราะสุดท้ายความสง่างามที่แท้ไม่ได้วัดจากราคาเสื้อผ้าอากแต่วัดจากวิธีที่เราสวมมันด้วยหัวใจแบบไหนความงามจะคงอยู่ตราบใดที่หัวใจยังจำได้ว่าตนคือใครนี่คือถ้อยคำสุดท้ายที่เรื่องราวของศรีรัตน์ได้ฝากไว้ไม่ใช่เพียงในตู้เสื้อผ้าแต่ในใจของผู้ที่เคยชื่นชมเธอรวมถึงหัวใจของกษัตริย์ที่ครั้งหนึ่งเคยรักเธออย่างหมดหัวใจและแม้บทบาทของเธอในราชสำนักจะสิ้นสุดลงแต่บทบาทของเธอในความทรงจำไม่มีวันเลือนหายไ
ไว้ผมยาวแบบสาวแล้วจูงหมาขึ้นคอนเสิร์ต ราชินีสุทิดา พยายามจะโชว์อะไร
วัน ที่ ไป ดู คอนเสิร์ต ที่ เบิร์น แล้ว ล่ะ แต่ ไม่ ติด ใจ อะไร จน เมื่อ กี้ เพื่อน คน นึง เอา ภาพ ที่ ตัด มา…
ศรีรัศมิ์ สุวดี พร้อมกลับคืนสู่ราชวงศ์ในรัชสมัยเจ้าฟ้าทีปังกร
ฮาเรมไทยกเป็นตำนานไปแล้วจริงๆยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัดว่าใครจะหัวเราะเป็นครั้งสุดท้ายถึงแม้ภายนอกสุธิดาจะดูดีมากแต่ถ้าอยากหัวเราะเป็นครั้งสุดท้ายเธอยังต้องดูผลการต่อสู้แย่งชิงมนดกยังเร็วเกินไปที่จะสรุปผลตอนนี้ในช่วงเวลานี้สุธิดาครองการแสดงและแสดงความรักต่อพระมหากรุณาธิคุณในโอกาสทางการหลายครั้งทำให้เกิดคววามปั่นป่วนในความคิดเห็นของประชาชนท้ายที่สุดเธอคือราชินีองค์ที่10ดังนั้นเธอควรมีศักดิ์ศรีที่เธอสมควรได้ รับแต่โลกภายในของกษัตริย์แห่งประเทศไทยนั้นซับซ้อนมากสาเหตุพื้นฐานยังคงเป็นปัญหาในการสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชมีกองกำลังมาขวางกั้นมากเกินไปทำให้มหาเกิดความกลัวต่อหมาป่าและเสือกองทัพที่อยู่เบื้องหลังสุธิดาจกดูเขาอยู่ต้องการสนับสนุนลูกชายชาวสวิสให้ขึ้นครองอำนาจแต่มหัทีังกรมากยิ่งขึ้นเมื่อพระเจ้ามหาราชมีพระชนมายุ53พรรษาทรงมีพระโอรสองค์หนึ่งทรงรักเด็กจนผิดกฎหมายทีังกรมีความสุขมากตั้งแต่ยังเป็นเด็กได้รับการปฏิบัติเหมือนถั่วพิตาชิโอ โดยราชวงศ์มีใบหน้ายิ้มแย้มอยู่เสมอแต่ตั้งแต่ศรีรัศมีออกจากราชวงศ์ทกก็เงียบขึงและถึงขั้นมีอาการปัญญาอ่อนด้วยซ้ำแต่เจ้าชายน้อยเชื่ออย่างแน่วแน่ว่าแม่และนางสนมของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นจึงจะมีความหวังที่จะกลับมาและสถานการณ์จะปลิกกลับได้อย่างสมบูรณ์ตามรายงานของสื่อไทยการที่กษัตริย์ไทยและพระมเหสีปรากฏตัวในคอนเสิร์ตโดยสวมชุดู่เพื่อแสดงความรักต่อพระองค์ในทันทีกลายเป็นประเด็นร้อนทั่วโลกขณะที่พระราชินีทรงรู้สึกภาคภูมิใจพรม พยาบังกรก็ลงมือโพสต์ภาพครอบครัวอีกครั้งหนึ่งทำให้สุธิดาไม่ทันตั้งตัวทุกวันนี้ศรัตนิเป็นหญิงชรามากแล้วและแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะขึ้นไปสู่จุดสูงสุดด้วยรูปลักษณ์ภายนอกของเธอเพียงลำพังดังนั้นความหวังเดียวก็คือลูกชายของเขาจะช่วยเขาเมื่อเจ้าชายน้อยประสบความสำเร็จในการเป็นมกุฎราชกุมารเท่านั้นที่ชีวิตของสิงมีจะง่ายขึ้นพูดได้คำเดียวว่าเวลาช่างโหดร้ายรัติเคยครองใจคนทั้งเมืองและเมืองแต่ตอนนี้เขาสวยสมบูรณ์แล้วจากภาพถ่ายที่ สืบต่างประเทศเผยแพร่เมื่อเร็วๆนี้พบว่าิวรอยบนใบหน้าศรีรัตมีเพิ่มขึ้นมากผิวหองคล้ำริ้วรอยที่จมูกและแก้มลึกขึ้นเขาไม่มีเสน่ห์อีกต่อไปเช่นเคยนอกจากไม่ตามการดูแลผิวและความงามซึ่งสัมพันธ์กับอารมณ์ไม่ดีอย่างใกล้ชิดแล้วความงามของสิมีก็หายไปอย่างสิ้นเชิงแม้ว่าศรีรัตน์มีจะอายุมากแล้วแต่เธอก็ยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อคนไทยและยังมีอีกหลายคนที่หวังว่าเธอจะได้รับความโปรดปรานกลับคืนมาเจ้าหญิงศรีรัตน์ทรงมีพระเมตตาและ ทรงได้รับการยกย่องอย่างสูงจากประชาชนของพระองค์ซึ่งเป็นราชินีที่ยังไม่ได้สวนมงกุฎของประเทศไทยยตอนนี้ทีังกรกลับถึงเยอรมนีแล้วนอกเหนือจากการเข้าร่วมงานการกุศลแล้วเขายสามารถพกปักกับศรีรัตนไม่เป็นการส่วนตัวและรับคำแนะนำและกำลังใจจากแม่ของเขาด้วยพูดได้คำเดียวว่าถีปังกรมีความกตัญญูมากแม่จะเสี่ยงมากแต่เขาก็ยังโพสต์โปสเตอรพ่อแม่ลูกในด้านหนึ่งสิ่งนี้สามารถช่วยให้สุธิดาแสดงอำนาจของเขาได้ในทางกลับกันยังสามารถขยายอิทธิพลของ เขาและประกาศว่าเขาเป็นราชวงศ์ที่ชอบด้วยกฎหมายกษัตริย์มหาไม่ทรงกระทำการใดๆเพื่อหยุดยั้งเหตุการณ์ดังกล่าวซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าพระองค์ยังคงสนับสนุนศรีรัตและราชโอรสอยู่ในใจด้วยการสนับสนุนของกองทัพสุธิดาจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมเด็จพระราชินีแม้ว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะสั่งห้ามเธอถึง3ครั้งแต่เธอก็สามารถปรับคืนสู่ตำแหน่งสูงได้ทุกครั้งก่อนหน้านี้สมเด็จพระนางเจ้าสุธิดาทรงได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชากอง กำลังปกป้องพระราชวงศ์ในเดือนสิงหาคมพุธศักราช2557หลังจากนั้นพระองค์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการกองกำลังพิเศษในราชองครักษ์ไทยและได้เลื่อนยศเป็นนายพลเมื่อวันที่1ธันวาคมพุธศักราช2559จำนวนงานราชการในช่วงวันหยุดฤดูร้อนลดลงอย่างรวดเร็วซึ่งเชื่อมโยงกับสุธิดาอย่างแยกไม่ออกตอนนี้เจ้าชายน้อยเติบโตเต็มที่แล้วไม่ใช่ลูกพับเนื้อนุ่มที่คนอื่นชักจูงได้ง่ายอีกต่อไปและในขณะเดียวกันเขาก็ยังมีความสามารถในการตัดสินอย่างอิสระอีกด้วยเพื่ออนาคต ที่สดใสของตัวเองและการช่วยเหลือแม่ศรีรัตน์ดีปังกรจึงต้องมีกำลังใจและท้าทายสุธิดาต่อไปโปรดเต้อพระราชกรณียกิจเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการกดดันสมเด็จพระราชินีสุธิดาอย่างแนบเนียนและเงียบๆการต่อสู้เพื่อสิทธิสืบทอดบัลลังก์ยังคงดำเนินต่อไปไม่เพียงแต่สายเลือดถ้านอนไม่บริสุทธิ์เท่านั้นแต่ยังได้แต่งงานและให้กำเนิดบุตรในอเมริกาด้วยจึงสูญเสียสิทธีในการรับมรดกไปโดยสิ้นเชิงตราบใดที่เจ้าทีังกรยังยืนกรานไม่ช้าก็เร็วก็จะได้นั่งบัลลังมกุฎราชกุมารซึ่ง
อย่านอนอีกเลย เจ้าหญิงน้อย ตื่นเถิด อย่าทำให้ใจฉันเจ็บปวดอีกต่อไป
พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลีกรมประเมินศุทธนารีนาถประธานสัมภาษณ์ถึงความรักพันที่มีต่อสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาแสดงธิดาเทพยวดีพระธิดาซึ่งพระองค์โสมกลับว่าองค์พระทรงมีสิ่งที่เหมือนกับพระองค์คือความคิดที่ลึกซึ้งและลักษณะในการทำงานคล้ายๆกันส่วนเรื่องทำกับข้าวพระองค์ภาทรงทำได้นิดหน่อยอย่างตอนที่เราป่วยครั้งล่าสุดองค์ภาก็มาดูแลเราบอกว่าแม่อยากกินไก่งวงเพราะเป็นช่วงคริสต์มาสองค์ภาก็เปิดYouTubeทำไก่ งวงให้ทานรสชาติก็อร่อยดีพระองค์โสมส่งเล่าถึงวิธีการอบรมสั่งสอนพระราคาได้ว่าเนื่องจากพระองค์ถูกสอนมาตั้งแต่เล็กๆว่าให้เรียนรู้อะไรเองทำอะไรเองทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นกวาดบ้านถูบ้านรีดผ้าทำกับข้าวทำทุกอย่างให้เป็นก่อนที่จะไปส่องซ้อนคนอื่นพระองค์จึงได้นำนิสัยนี้มาสอนพระธิดาด้วยกับองค์ภาเราก็สอนว่าอย่าให้คิดว่าตัวเองเป็นเจ้านายให้เคารพทุกคนสอนลูกให้เหมือนคนปกติธรรมดามากที่สุดโดยฐานะของเราเป็นเจ้านายในหน้าที่แต่อย่าให้เขาเป็นคน ธรรมดาในชีวิตจริงองค์ภาเคยโดนตีเราถือคติเลี้ยงวัวให้ผูกรักลูกให้ตีจากน้ำพระทัยสมเด็จเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาสู่ความเป็นโครงการปฏิบัติธรรมเจริญพรศัทธาสาธุชนผู้มีจิตใจมั่นคงในพระพุทธศาสนาย่างเข้าสู่ปีพุทธศักราช2566ในปีใหม่ครั้งนี้ชาวไทยทุกหมู่เหล่าต่างดมจิตสามัคคีธรรมประกอบคุณงามความดีตามกำลังความศรัทธาในศาสนาของตนเพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระมิ่งขวัญสมเด็จเจ้าฟ้าของชาวไทยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาดีก็มาหลวงราชสีห์เสรีภาพ เป็นพระเจ้าหลานเธอในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9แห่งราชวงศ์จักรีจากข่าวที่เกิดขึ้นในตอนเย็นวันที่14ธันวาคม2565ได้ทำให้เกิดความตื่นตระหนกตกใจกันไปทั่วหมู่อาณาจักรประชาราชที่เคารพรักในสถาบันพระมหากษัตริย์สืบเนื่องมาตั้งแต่บรรพชนด้วยความหวังของประชาธิปก่อนชาวไทยที่ฝากความหวังการเสร็จเนื่องจากสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มั่นคงสถาพรร่วมกับพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์10ปีที่ผ่านมาชาวไทยจะได้เห็นภาพพระกรณียกิจของสมเด็จเจ้าฟ้าประชารัฐ กิติยาภาในทุกด้านเพื่อถวายงานศาลโครงการพระราชดำริที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตั้งพระมโนปณิธาน3ต่อยอดจากโครงการพระราชดำริจากรัชกาลที่9โดยเฉพาะโครงการกำลังใจในพระดำริของพระองค์ท่านเพื่อการช่วยเหลือประชาชนทุกหมู่เหล่าโดยมีเป้าหมายในเด็กสตรีและเยาวชนที่ขาดโอกาสด้อยโอกาสและสูญเสียโอกาสในสังคมนอกจากนั้นยังมีโครงการที่แตกหน่อออกมาจากโครงการกำลังใจอีกหลายโครงการโดยเฉพาะโครงการพัฒนาธรรมและโครงการจิตอาสากำลัง ใจพระจาระธรรมโดยมีมูลนิธิแห่งการทำงานช่วยเหลือประชาชนต่อพระองค์ภายใต้พระปรมาภิไธยในรัชกาลที่10ที่ทรงสนับสนุนทุกโครงการบัตรประโยชน์ของประชาชนให้ดำเนินไปได้ด้วยดีโดยเฉพาะกลุ่มการพัชราธรรมและโครงการจิตอาสากำลังใจพัชรธรรมที่กำกับดูแลโดยโครงการกำลังใจในพระธรรมเทศของพระองค์ท่านนั้นได้รับงบประมาณสนับสนุนเพื่อการทำงานอย่างต่อเนื่องในแต่ละปีซึ่งหลายแผนงานเช่นโครงการน้ำดื่มพัชรธรรมเป็นปัจจัยจากมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่งพายามยากสภากาชาดไทย เพื่อการจัดตั้งสถานีผลิตน้ำดื่มอยจึงทำให้โครงการพัฒนาธรรมและโครงการจิตตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านจิตใจตามหลักวิถีพุทธโดยอาศัยปรัชญาพึ่งตนพึ่งธรรมสามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพบรรลุเป้าหมายจนถึงทุกวันนี้ที่สามารถช่วยชีวิตของอดีตผู้ต้องขังที่เคยพลั้งพลาดให้ได้มีจิตสำนึกกลับขึ้นมาเพื่อสังคมประเทศชาติอย่างปกติและเพื่อการมีส่วนช่วยเหลือสังคมประเทศชาติในการป้องกันภัยอันตรายจากปัญหาต่างๆโดยเฉพาะจากประสบการณ์ตรงของอดีตผู้ต้อง ขังเหล่านั้นในวันนี้จึงได้เห็นพระภิกษุจากโครงการพระราชทานโดยพำนักอยู่ตามวัดต่างๆในเครือข่ายการปกครองของพระอาจารย์อารยะวังโสที่ปรึกษาโครงการจิตกำลังใจพัชรธรรมที่ตั้งขึ้นตามพระราตรีของพระองค์ท่านซึ่งโครงการดังกล่าวเกิดแตกหน่อมาจากโครงการพัฒนาธรรมด้วยเหตุผลที่ว่าเมื่ออดีตผู้ต้องขังที่เป็นสมาชิกในโครงการประชารัฐธรรมจากเรือนจำต่างๆทั่วประเทศซึ่งได้รับการอบรมจิตพัฒนาความสำนึกมาอย่างต่อเนื่องตามวิถีธรรมในพระพุทธศาสนา มีความศรัทธาแก่กันเข้ามาขอบรรพชาอุปสมบทในโครงการพัฒนาธรรมกำกับดูแลโดยโครงการกำลังใจในมากขึ้นจากความน่ายินดีในเบื้องต้นแต่เดิมแปลเป็นความน่าวิตกกังวลโดยอดีตนักโทษเหล่านี้มีจำนวนหลายรายที่มาจากคติราชบุรีเรือนจำบางขวางเรือนจำกลางคลองเปรมเป็นต้นจึงจะเป็นที่จะต้องเตรียมแผนการตั้งรับที่มีมาตรการป้องปรามอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะเข้าสู่ภาวะที่ปลอดภัยเชื่อถือได้มั่นใจได้ในพฤติกรรมของอดีตผู้ต้องขังนั้นๆโครงการจิตอาสากำลังใจพจนธรรมที่เกิดขึ้น ในยามหลังเที่ยงคืนของวันหนึ่งเมื่อได้มีการถวายการทานในการแต่ได้จัดการที่สรุปรวมลงตรงความจำเป็นที่จะต้องมีแผนงานเตรียมพร้อมบุคคลเหล่านี้ก่อนเข้าสู่การบรรพชาอุปสมบทตามโครงการพระราชทานที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลารวมทรัพย์4ปีมีอดีตผู้ต้องขังสมัครใจเข้ามาบวชในโครงการก็จะรับธรรมจำนวนไม่น้อยทางระยะยาวและระยะ[เพลง][เสียงหัวเราะ][เพลง][เพลง]ทุกครั้งที่เป็นสมาชิกโครงการพระราชทานมีความศรัทธาเชื่อมั่นในโครงการเมื่อออกจาก เรือนจำจึงสมัครใจเดินทางเข้ามาโครงการเพื่อขอรับการบรรทัดอุปสมบทในโครงการพระราชทานกันอย่างต่อเนื่องไม่เคยขาดต่อในทุกปีจากเรือนจำต่างๆทั่วประเทศณวัดป่าอารยะวังศาลาพระปะรัยพระนครศรีอยุธยาในพระกรุณาของพระองค์ท่านวันนี้กรมการพัชรธรรมและโครงการจิตอาสากำลังใจพัชรธรรมและในวันที่4มกราคมจะมีการบรรพชา[เพลง]อุปสมบทศสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาจำนวน7นายที่จะเริ่มปวดครั้งใหญ่พร้อมกับเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ทั่วประเทศที่ จะได้จัดขึ้นในวันเดียวกันรวมทั้งหมด79รายและในวันที่4มกราคม2566อาตมาจะไปเป็นประธานสงฆ์ในพิธีสหกรมราชทัณฑ์เพื่อเทศนาธรรมอบรมสั่งสอนผู้มุ่งมาดรัชชาอุปสมบทตามโครงการน้อมถวายเป็นพระราชกุศลก่อนที่จะมีการมอบผ้าไตรให้กับทุกคนที่เข้าบวชในโครงการและจะมีการบรรพชาอุปสมบทตามวัดป่าอารามต่างๆทั่วประเทศโดยพร้อมเพรียงกันเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาจากได้ทรงมีพระอายุยืนปราศจากโตฆ่าพยาธิ แห่งกุศลธรรมในพระพุทธศาสนาที่สำเร็จด้วยดีแล้วแต่จิตใจของพระสงฆ์นี้ก่อนฉัน
เทียบ 3 โศกนาฏกรรม: สุจาริณี vs ศรีรัศมิ์ vs สินีนาฏ ถอดรหัสจุดจบ… ใครคือผู้ชนะตัวจริง?
สวัสดีครับท่านผู้ชมที่เคารพทุกท่านยินดีต้อนรับกลับเข้าสู่ช่องวังหลวงหวางหลวงแชนแนนช่องที่จะพาคุณก้าวข้ามผ่านข่าวสารที่ฉาบฉวยเจาะลึกไปถึงแก่นกลางของอำนาจและร่วมกันถอดรหัสทุกสัญญาณที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังกำแพงแงสูงแห่งนั้นสถานที่ที่ทุกย่างก้าวมีความหมายทุกรอยยิ้มอาจซ่อนน้ำตาและทุกความเงียบงาอาจจะมาทำในสิ่งที่สื่อกระแสหลักไม่กล้าทำเราจะมาเปิดแฟ้มลับวิเคราะห์เปรียบเทียบ3เรื่องราวชีวิตที่เปรียบได้กับโศกนาฏกรรม ของ3สตรีผู้เคยยืนอยู่ในจุดที่สตรีมากมายในแผ่นดินนี้ใฝ่ฝันพวกเธอเคยอยู่เคียงข้างบัลลังก์เคยเป็นศูนย์กลางของแสงสปอออดไหลเคยเป็นความหวังและเคยเป็นสัญลักษณ์แต่ชะตากรรมกลับพลิกผันอย่างรุนแรงจนหน้าใจหายเรากำลังพูดถึงสุจาริณีวิวัชชรวงศ์สตรีผู้ต้องเผชิญกับการพลัดพรากไกลบ้านเกิดพร้อมโอรสทั้ง4ศรีรัตน์สุวดีสตรีผู้ก้าวจากสามัญชนสู่จุดสูงสุดก่อนจะร่วงหล่นลงสู่ความเงียบงันและสีนัตตะวงศ์วชิราภัก์สตรีผู้สร้างประวัติศาสตร์ในฐานะเจ้าคุณ และสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งด้วยการถูกปลดและหวนคืนอย่างน่าอัศจรรย์คำถามที่เราจะมาร่วมกันหาคำตอบในวันนี้ไม่ใช่แค่การเล่าประวัติว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอคำถามนั้นตื้นเขินเกินไปสำหรับช่องของเราแต่คำถามที่เราจะเจาะลึกคือในเกมกระดานแห่งอำนาจอันซับซ้อนนี้เกมที่เดิมพันด้วยชีวิตจิตวิญญาณและอนาคตใครกันแน่คือผู้ชนะตัวจริงคุณเคยสงสัยไหมครับว่าคำว่าชัยชนะในบริบทของวังหลวงนั้นหน้าตาเป็นอย่างไรมันคือการได้ครอบครอง ตำแหน่งการมีรัชทายาทการมีอิสรภาพหรือคือการที่ยังสามารถดำรงอยู่ได้แม้จะไรซึ่งสถานะสื่อกระแสหลักอาจป้อนข้อมูลให้เราว่าคนนั้นคือผู้แพ้คนนี่คือผู้ชนะแต่คุณและผมเรารู้ดีกว่านั้นเราคือกลุ่มคนที่มองเห็นสัญญาญาณเราวิเคราะห์เป็นเราตั้งคำถามกับสิ่งที่พวกเขาบอกเราไม่เชื่ออะไรง่ายๆเพราะเรากระหายความจริงที่ซ่อนอยู่ในอีกหลายสิบนาทีข้างหน้านี้ผมจะพาทุกท่านดำดิ่งลงไปในเรื่องราวของพวกเธอทีละคนเราจะวิเคราะห์ราคาที่แต่ละคนต้องจ่าย และสิ่งที่พวกเธอได้รับกลับคืนมาเราจะใช้หลักการวิเคราะห์สัญญาณSegnalAnalysisเพื่อมองทะลุภาพลักษณ์ที่ถูกสร้างถอดรหัสความหมายที่ซ่อนอยู่ในการปรากฏตัวการหายไปหรือแม้แต่รอยยิ้มที่ดูไม่จริงใจนั้นเตรียมตัวให้พร้อมล็อคประตูความคิดของคุณให้ดีรับเสียงรบกวนจากภายนอกแล้วมาเปิดประสาทสัมผัสแห่งความสงสัยไปพร้อมกันพร้อมกันนี่คือการวิเคราะห์เปรียบเทียบที่ลึกที่สุดเข้มข้นที่สุดและอาจจะอันตรายที่สุดเท่าที่เราเคยทำมาและเมื่อ คุณดูจบผมสัญญาว่ามุมมองที่คุณมีต่อผู้หญิงทั้ง3คนนี้และตอคำว่าชัยชนะจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปมาร่วมกันถอดรหัสจุดจบนี้ใครคือผู้ชนะตัวจริงเรามาเริ่มต้นกันที่สตรีท่านแรกผู้ซึ่งเรื่องราวของเธอเปรียบเสมือนปฐมบทแห่งความผันผวนในยุคสมัยใหม่สุจารินีวิวัชชรวงศ์หรือที่หลายคนจดจำเธอได้ในนามยุวธิดาผลประเสริฐอดีตนักแสดงดาวรุ่งผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการบันเทิงไทยเส้นทางของเธอเริ่มต้นเหมือนดั่งฝันจากโลกแห่งแสงสีสู่การเป็น คนใกล้ชิดขององค์รัชทายาทในขณะนั้นชีวิตของเธอก้าวเข้าสู่บทบาทใหม่ที่น้อยคนนักจะจินตนาการถึงการเป็นหม่อมและเป็นพระมารดาของพระโอรสธิดาถึง5พระองค์เป็นโอรส4และธิดา1นี่คือสิ่งที่สำคัญมากนะครับการมีโอรสถึง4พระองค์ในราชสำนักนั้นถือเป็นหลักประกันที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งยวดในทุกยุคทุกสมัยภาพของครอบครัวที่อบอุ่นภาพของโอรสทั้ง4ที่เติบโตขึ้นภายใต้ร่มเงาของวังหลวงเคยเป็นภาพแห่งอนาคตที่หลายคนวาดหวังแต่คุณผู้ชมครับในโลก แห่งความเป็นจริงโดยเฉพาะในโลกของวังหลวงไม่มีอะไรที่แน่นอนกองกำลังแห่งอำนาจมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาสัญญาณแห่งความเปลี่ยนแปลงเริ่มปรากฏขึ้นทีละน้อยอาจเป็นความถี่ที่ลดลงในการปรากฏตัวต่อสาธารณะหรืออาจเป็นข่าวลือที่เล็ดลอดออกมาจากวงในซึ่งในยุคสมัยนั้นการตรวจสอบข้อมูลยังไม่ใช่เรื่องง่ายแต่สำหรับผู้ที่จับสังเกตคลื่นใต้น้ำย่อมรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่างและวันที่พลิกผันชะตากรรมของเธอก็มาถึงในปีพุทธศักราช2539 เหตุการณ์ที่สั่นสะเทือนความรู้สึกของประชาชนก็เกิดขึ้นเมื่อมีข่าวว่าสุจรินีและพระโอรสธิดาทั้ง5ได้เดินทางออกนอกประเทศอย่างกะทันหันมันไม่ใช่การเดินทางเพื่อพักผ่อนแต่มันคือการเดินทางที่ไม่มีวันหวนกลับโศกนาฏกรรมของสุจารินีไม่ใช่แค่การสูญเสียสถานะหรือการถูกถอดยศฐาบรรดาศักดิ์แต่มันคือโศกนาฏกรรมแห่งการพลัดพรากyofexมันคือการถูกเนรเทศทั้งที่ไม่ได้ใช้คำนั้นอย่างเป็นทางการการต้องจากแผ่นดินเกิดที่เธอเคยมีชื่อเสียงจากสถานที่ที่ลูกๆของเธอเกิดและเติบ โตมันคือความเจ็บปวดที่ลึกเกินจะบรรยายลองจินตนาการถึงหัวอกคนเป็นแม่ที่ต้องท้าเลือดเนื้อเชื้อไข่ของตัวเองถึง5คนระหกระเหินไปในดินแดนที่ไม่คุ้นเคยโดยที่อนาคตข้างหน้าเต็มไปด้วยความมืดมนไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นไม่มีหลักประกันใดๆทั้งสิ้นและที่น่าเจ็บปวดยิ่งกว่านั้นคือการที่เวลาต่อมาพระธิดาองค์เล็กสุดได้รับการอนุญาตให้กลับคืนสู่พระราชวังกลับคืนสู่อ้อมอกของพระบิดาแต่โอรสทั้ง4กลับไม่ได้รับสิทธิ์นั้นนี่คือจุดที่ต้อง วิเคราะห์อย่างหนักครับการคัดเลือกนี่บอกอะไรเรามันคือสัญญาณอะไรทำไมต้องเป็นธิดาองค์เล็กและทำไมโอรสทั้ง4ซึ่งตามหลักแล้วคือผู้มีสิทธิ์ในลำดับต้นๆของการสืบทอดกลับต้องถูกตัดขาดนี่คือเกมการเมืองที่เย็นชาและเด็ดขาดใช่หรือไม่เรามาวิเคราะห์ราคาที่สุจรินีต้องจ่ายกันครับ1คือการสูญเสียตัวตนในสังคมไทยจากนักแสดงชื่อดังสู่หม่อมผู้มีโอรส4พระองค์กลายเป็นเพียงอดีตที่ถูกลบเลือน2คือการสูญเสียอนาคตของลูกๆในฐานะเชื้อพระวงพวกเขา ต้องเติบโตในต่างแดนในฐานะสามัญชนถูกตัดขาดจากรากเหง้าและสิที่ควรจะมี3คือการสูญเสียเกียรติยศและการถูกตระน่าจากสังคมในแง่มุมต่างๆโดยที่เธอไม่มีโอกาสได้ออกมาอธิบายหรือปกป้องตัวเองเลยมันคือโศกนาฏกรรมที่สมบูรณ์แบบในสายตาของคนทั่วไปดูเหมือนว่าเธอคือผู้แพ้ที่สูญเสียทุกอย่างแต่เดี๋ยวก่อนครับท่านผู้ชมที่ติดตามช่องวังหลวงย่อมรู้ดีว่าเหรียญมี2ด้านเสมอถ้าเรามองว่าเธอแพ้นั่นคือการมองแบบตื้นเขินตอนนี้เรามาลองถอดรหัส ชัยชนะของสุจารินีกันบ้างชัยชนะที่ซ่อนอยู่ในความพ่ายแพ้นั้น1ชัยชนะแห่งอิสรภาพTheVictoryofFreedomคุณผู้ชมคิดว่าการต้องใช้ชีวิตอยู่ในกรอบในกฎระเบียบที่เข้มงวดของวังหลวงตลอดชีวิตกับการได้เป็นอิสระในต่างแดนแม้จะลำบากในตอนต้นแต่อย่างน้อยก็ได้เป็นนายของชีวิตตัวเองได้หายใจอย่างเต็มปอดอะไรคือชัยชนะที่แท้จริงสุจรินีคือคนเดียวใน3คนนี้ที่ได้หลุดพ้นจากเกมกระดานนี้อย่างสมบูรณ์เธอไม่ต้องตื่นมาเพื่อหวาดระแวงไม่ต้องคอยสวมหน้ากากไม่ต้องอยู่ใต้เงา ของใครเธอคือผู้รอดชีวิตที่ได้ออกมาสู่โลกกว้าง2ชัยชนะในฐานะแม่TheVictoryofaMotherแม้จะต้องเผชิญกับความยากลำบากแสนสาหัสแต่เธอก็สามารถเลี้ยงดูโอรสทั้ง4ให้เติบโตขึ้นมาได้อย่างมีคุณภาพโอรสทุกคนได้รับการศึกษาสูงมีหน้าที่การงานที่ดีในระดับสากลพวกเขาไม่ได้เติบโตมาอย่างบิดเบี้ยวภายใต้แรงกดดันของอำนาจแต่เติบโตมาในฐานะปัญญาชนของโลกเสรีนี่คือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคนเป็นแม่ใช่หรือไม่การที่ลูกๆของเธอประสบความสำเร็จได้ด้วยลำ แข้งของตัวเอง3ชัยชนะแห่งการดำรงอยู่TheVictoryofExistenceแม้ตัวเธอและโอรสจะอยู่ไกลแต่พวกเขาก็ไม่เคยหายไปจากความทรงจำของคนไทยพวกเขายังคงแสดงความรักและความห่วงใยต่อแผ่นดินเกิดผ่านกิจกรรมต่างๆเสมอมาโอรสทั้ง4ยังคงใช้นามสกุลวิวัชรวงศ์อย่างภาคภูมิใจและในยามที่แผ่นดินเกิดมีปัญหาพวกเขาก็ออกมาแสดงจุดยืนอย่างกล้าหาญการที่พวกเขายังมีตัวตนและเป็นที่รักของคนกลุ่มนี่คือชัยชนะเชิงสัญลักษณ์ที่ทรงพลังอย่างยิ่ง ดังนั้นโศกนาฏกรรมของสุจริณีคือการสูญเสียสถานะและบ้านเกิดแต่ชัยชนะของเธอคืออิสรภาพและความสำเร็จของลูกๆที่ได้เป็นตัวของตัวเองเธออาจจะแพ้ในเกมแห่งวังหลวงแต่เธออาจจะชนะในเกมแห่งชีวิตก็เป็นได้นี่คือประเด็นแรกที่เราต้องเก็บไว้ในใจก่อนจะไปวิเคราะห์สตรีท่านต่อไปครับทีนี้เรามาต่อกันที่สตรีท่านที่2ผู้ซึ่งเรื่องราวของเธอเปรียบได้กับเทพนิยายซินเดอเรลล่าแห่งยุคสมัยใหม่แต่เป็นซินเดอเรลล่าที่ตอนจบไม่ได้สวยงามเหมือน ในนิทานเธอคือศรีรัตน์สุวดีอดีตพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัตน์พระวรชายาเรื่องราวของศรีรัตน์คือการเดินทางที่น่าทึ่งจากหญิงสาวสามัญชนธรรมดาก้าวเข้าสู่ราชสสำนักในฐานะข้าราชบริพารก่อนที่จะได้รับพระเมตตาและก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในฐานะพระวรชายาอย่างเป็นทางการภาพลักษณ์ของเธอในสายตาประชาชนคือความงดงามที่จับใจความอ่อนน้อมถ่อมตนและรอยยิ้มที่ดูจริงใจเธอเป็นเหมือนภาพแทนของความหวังว่าสามัญชนก็สามารถก้าวสู่จุดสูงสุดได้และ จุดที่ทำให้สถานะของเธอมั่นคงอย่างไม่มีใครเทียบได้คือการประสูติพระโอรสสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติในปีพุทธศักราช2548การมีรัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์โดยตรงคือหลักประการที่แข็งแกร่งที่สุดที่สตรีในวังหลวงจะพึงมีได้มันคือไพ่ตายที่ทำให้เธอกลายเป็นบุคคลสำคัญอย่างยิ่งยวดต่ออนาคตของราชวงศ์ในช่วงเวลาที่รุ่งโรจนนั้นโครงการสายรักแห่งครอบครัวที่เธอริเริ่มก็ยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ของความเป็นแม่และภรรยาที่สมบูแบบเธอดูเหมือนจะมีทุก อย่างที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะฝันถึงได้ทั้งสถานะเกียรติยศและลูกชายที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจแต่ท่านผู้ชมครับดังที่เราทราบกันดีวังหลวงไม่ใช่สถานที่สำหรับเทพนิยายคลื่นใต้น้ำเริ่มก่อตัวอีกครั้งแม้ภายนอกจะดูสงบนิ่งสัญญาณแห่งความเปลี่ยนแปลงเริ่มถูกส่งออกมาทีละน้อยอาจเป็นภาพข่าวที่ดูแปลกตาหรือข่าวลือที่อธิบายไม่ได้ซึ่งเล็ดลอดออกมาแต่สัญญาณที่ชัดเจนที่สุดคือการที่คนรอบข้างเธอเริ่มถูกจับตามองและแล้วมรสุมลูกใหญ่ที่ไม่มีใครคาดคิด ก็มาถึงในปีพุทธศักราช2557เมื่อเกิดข่าวอื้อฉาวครั้งใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกในครอบครัวของเธอข่าวนี้ถูกประโคมอย่างหนักหน่วงและรวดเร็วมันสั่นคลอนสถานะของเธออย่างรุนแรงและมันถูกใช้เป็นเหตุผลนำไปสู่จุดจบที่น่าตกใจเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าฟาดมีการประกาศการขอพระราชทานกราบบังคมทูลาออกจากฐานันดักแห่งพระราชวงศ์และกลับคืนสู่สถานะสามัญชนคำว่าลาออกนี้เราต้องวิเคราะห์ให้ดีนะครับว่ามันคือการลาออกโดยสมัครใจหรือการถูกบีบให้ต้องลาออก โศกนาฏกรรมของศรีรัตน์จึงไม่ใช่การพลัดพรากเหมือนสุจรินีแต่เป็นโศกนาฏกรรมแห่งความเงียบงาTheTragedyofSilenceหรือที่บางคนอาจเรียกว่าการกักขังImprisonmentเรามาวิเคราะห์ราคาที่เธอต้องจ่ายกันครับ1คือการสูญเสียสถานะและเกียรติยศทั้งหมดจากพระองค์เจ้าผู้สูงศักดิ์กลายเป็นนางสาวสามัญชนธรรมดาในชั่วข้ามคืน2คือการสูญเสียอิสรภาพภาพภาพที่ปรากฏต่อสาธารณชนหลังจากการเปลี่ยนแปลงนั้นคือภาพของเธอในชุดขาวปลงผมและใช้ชีวิตอย่างสมัถนัยพื้นที่จำกัดมันคือภาพที่บีบหัวใจ คนทั้งประเทศมันคือการกักขังทั้งทางร่างกายและจิตวิญญาณเธอไม่ได้ถูกในประเทศไปไกลแต่เธอถูกทำให้หายไปทั้งที่ทั้งที่ยังอยู่3และนี่คือราคาที่เจ็บปวดที่สุดคือการผลัดพรากจากลูกลองจินตจินตนาการถึงหัวอกคนเป็นแม่ที่ต้องแยกจากลูกชายเพียงคนเดียวที่เธอรักสุดหัวใจโดยเฉพาะในวัยที่เขากำลังต้องการแม่มากที่สุดนี่คือการสูญเสียที่ไม่มีอะไรมาทดแทนได้และคือจุดที่ทำให้เรื่องราวของเธอเรียกน้ำตาและความเห็นใจจากผู้คนได้มากที่สุดเธอดูเหมือน เป็นผู้แพ้ที่น่าสงสารที่สุดในเกมนี้สูญเสียทุกอย่างแม้กระทั่งอิสรภาพขั้นพื้นฐานและสิทธิ์ในการเป็นแม่แต่เดี๋ยวก่อนครับอย่าเพิ่งด่วนสรุปถ้าเรามองด้วยสายตาของนักวิเคราะห์แห่งวังหลวงเราต้องมองให้ลึกกว่านั้นเรามาถอดรหัสชัยชนะของศรีรัตนะที่ซ่อนอยู่ในความเงียบงันนั้น1ชัยชนะแห่งสายเลือดTheVictoryofGodLineนี่คือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่และเถียงไม่ได้ที่สุดไม่ว่าเธอจะตกอยู่ในสถานะใดไม่ว่าใครจะพยายามลบเรือนเธอไปอย่างไรแต่ความจริงที่ว่าเธอคือพระมารดา ผู้ให้กำเนิดเจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติรัชทายาทโดยสันนิษฐานอันดับ1นั้นเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้นี่คือมรดกที่ทรงพลังที่สุดที่เธอได้สร้างไว้2ชัยชนะแห่งอนาคตTheVictoryoftheFutureเกมนี้ยังไม่จบครับท่านผู้ชมตราบใดที่พระโอรสของเธอยังคงดำรงอยู่ในสถานทายาทอนาคตของศรีรัตน์ก็ยังไม่จบสิ้นไปด้วยถ้านี่คือคำว่าท่าที่สำคัญมากถ้าวันหนึ่งพระโอรสของเธอได้ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดคุณคิดว่าชะตากรรมของแม่ผู้ให้กำเนิดจะเป็นอย่างไรนี่คือการลงทุนระยะยาวที่เดิมพัน ด้วยทั้งชีวิตของเธอชัยชนาของเธออาจจะมาช้าแต่ถ้ามันมาถึงมันจะเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่และสมบูรณ์แบบที่สุด3ชัยชนะในหัวใจประชาชนTheVictoryofHSในบรรดาสัตรีทั้ง3คนศรีรัตน์คือผู้ที่ได้รับความสงสารและความเห็นใจจากประชาชนมากที่สุดเรื่องราวของเธอสัมผัสต่อมความเป็นมนุษย์ของผู้คนได้ลึกที่สุดความเป็นแม่การถูกรังแกความอยุติธรรมการที่เธอยังคงถูกกล่าวถึงยังมีคนเฝ้าร้อคอยการกลับมาของเธอแม้จะริบบรี่นี่คือชัยชนะที่เงิน…
เจ้าชายทีปังกรจู่ๆก็เสด็จไปพร้อมกับสมาชิกราชวงศ์คนสำคัญ ความสุขทวีคูณ
วันนี้เวลา17:23นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวรรณวรีนารีรัตน์ราชกัญญาและสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติมหาวชิโรตตมางกูรสิริวิบูลยราชกุมารไปยังอุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตรเขตดุสิตกรุงเทพมหานครในกนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงวางพุ่มดอกไม้สวนพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีทรงวางพุ่มดอกไม้ของสมเด็จพระ นางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวงและทรงวางพุ่มดอกไม้สวนพระองค์จากนั้นทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะทองทิศและทรงจุดธูปเทียนเครื่องท้องน้อยถวายราชสักการะพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมบพิตพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตรหล่อด้วยโลหสัมฤทธิ์ขนาด7เม70ซมหรือ4เท่าครึ่งพระองค์จริงทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารมหาสเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์หันพระพักตร์ไปทาง พระตำหนักจิตรลดารโหฐานพระราชวังดุสิตประดิษฐานเหนือแท่นหินอ่อนผัง8เหลี่ยมตามอย่างคติของพระที่นั่งอรรถทิศอุทุมพรราชอาสน์สื่อความหมายว่าทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระบรมเดชานุภาพปวงชนทั่วราชอาณาจักรทั้ง8ทิศต่างน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายความจงรักภักดีทั้งแผ่นดินโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรียเมื่อวันที่13ตุลาคม[เพลง]2565จากนั้นเวลา1746นเสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีทรง บำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทานเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตรพุทศักราช2567ณพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยในพระบรมมหาราชวังพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตรทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่9แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์เมื่อวันที่5พฤษภาคม2493และมีพระปฐมบรมราชโองการเป็นสัจวาจาว่าเราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยามนับจากทรงครอง สิริราชสมบัติเป็นต้นมาทรงเริ่มปฏิบัติพระราชกรณียกิจในฐานะพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นดัสูนย์รววมจิตใจของพสกนิกรชาวไทยไม่ว่าจะเป็นการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงกระชับสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในภูมิภาคต่างๆทำให้ทรงประจักษ์ในปัญหาของราษฎรในชนบทที่ดำรงชีวิตด้วยความยากลำบากยากจนลำเค็ญและด้อยโอกาสทรงอุทิศพระองค์เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติโดยทรงพระวิริยอุตสาหะหาแนวทางแก้ไขปัญหาเพื่อให้ราษฎร มีความอยู่ดีกินดีมาตลอดรัชสมัยจนเกิดเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริกว่า4,000โครงการทั้งการแพทย์การสาธารณสุขการเกษตรการชลประทานการพัฒนาที่ดินการศึกษาการพระศาสนาการสังคมและวัฒนธรรมการคมนาคมรวมไปถึงการเศษฐกิจอันเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาปวงพสกนิกรทุกเหล่าตลอดจนนานาประเทศได้ยกย่่งสรรเสริญพระเกียรติคุณถึงพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อปวงชนชาวไทยและอีกทั้งพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามาถในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตล้วนเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติคู่ควร แก่การสืบสานรักษาต่อยอดสืบไป